Fastdramatic.COM

เว็บข่าว ข่าวสดออนไลน์ 

อิ๊งค์ พร้อมเป็นนายกฯ

อิ๊งค์ พร้อมเป็นนายกฯ

อิ๊งค์ พร้อมเป็นนายกฯ “ปฏิทินการเมือง” ในปัจจุบัน และจะไม่ถูกเลื่อนไปถึง “เส้นตาย” ในวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 หรือไม่เกิน 60 วันหลังจากวันเลือกตั้ง ตามมาตรา 85(4) ของรัฐธรรมนูญ และมีแนวโน้มว่าจะประกาศผลการเลือกตั้งในอีก 1-2 สัปดาห์ ซึ่งจะนำไปสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกภายใน 15 วันหลังประกาศผลการเลือกตั้ง ตามมาตรา 121(1) ของรัฐธรรมนูญ ยิ่งไปกว่านั้น คาดว่าคณะกรรมาธิการยุโรปจะ “อยู่ในความมืด” เพื่อรับรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 500 คนในคราวเดียว ส่วนผู้ที่ยังค้านหากพบว่ามีความผิดก็จะมีกระบวนการ “ตามกระแส” เป็นธรรมเนียมที่จะต้องเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมสภาครั้งแรก ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาโดยตำแหน่ง

คาดว่าปลายเดือนมิถุนายน 2566 หรือต้นเดือนกรกฎาคม 2566 เขาจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าสภานิติบัญญัติ เมื่อพิจารณาจากภาพความสามัคคีของ “8 พรรคร่วมรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย” นำโดย “ค่ายสีส้ม” พรรคที่ก้าวไกลในปัจจุบันมี 312 เสียง ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นก้าวแรกในการโหวตเลือกประธานสภาฯ สภาผู้แทนราษฎร ส.ส. ไม่รู้ว่าทางเหนือรู้ทางใต้อาจเป็นกระบวนการประชุมร่วมรัฐสภาหรือเปล่า 

พิจารณาให้ความเห็นชอบผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ยิ่งรัฐธรรมนูญกำหนดขั้นตอนไว้เท่านั้น มันไม่ได้ล็อคเป็นวันเดือนปี หลังการเลือกตั้ง แต่เชื่อด้วยว่าตามกำหนดการเลือกตั้งนายกฯ คนที่ 30 ตามกระแสลมการเมืองจะไม่สายเกินไปหลังวันประชุมประธานสภาฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เป็น “พรรคเสียงข้างมาก” ที่เป็นปึกแผ่น ประธานรัฐสภาสามารถนัดวันประชุมได้ทันทีที่ได้รับอนุมัติ ดำรงตำแหน่ง

ปัญหาคือเสียงข้างมาก 312 เสียงในสภาไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนนายกรัฐมนตรีซึ่งต้องชนะครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร หรือ 376 เสียงจาก 700 เสียง ยังขาดเสียงข้างน้อย ส.ส. หรือ ส.ว. อย่างน้อย 64 เสียง ที่ต้องควานหา จากเดิม ส.ว.กว่า 20 คน ส่งสัญญาณสนับสนุนหัวหน้าและผู้สมัครนายกฯ “ป๋าทิม” พิตา ลินเจริญรัตน์ จากพรรคที่ชนะการเลือกตั้งเป็นผู้สมัครนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวหน้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แต่วันเวลาเปลี่ยนไปและสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป มาวันนี้ไม่รู้จะเหลือ ส.ว. จะยังหนุน “พิธา” อีกสักกี่คน?

อิ๊งค์ พร้อมเป็นนายกฯ

เพราะแม้จะยอมรับ “ฉันทามติ” แต่คะแนนนิยมจากการเลือกตั้งของพรรคก็สูงถึงกว่า 14 ล้านเสียง ผงาดคว้าเบอร์ 1 ไปอย่างคาดไม่ถึง แต่ “พิธา” กลับติดอยู่ใน “หุ้นสื่อ” กลายเป็นผู้ถือหุ้นไอทีวีมหาชน คณะกรรมการการเลือกตั้งของบริษัทจำกัดจำเป็นต้องดำเนินการสอบสวนตามมาตรา 98 มาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญซึ่งเกี่ยวข้องกับการมีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งในรัฐสภา มันระบุว่า “ห้ามเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นของธุรกิจหนังสือพิมพ์หรือสื่อสารมวลชนใด ๆ “

เริ่มแรกพรรค “พิธา” และพรรคเก้าเกล้าอ้างสิทธิ์หุ้น ITV เพราะ “ผู้จัดการทรัพย์สิน” จึงโอนหุ้น ITV จำนวน 4,200 หุ้นให้ทายาทคนอื่นบริหาร และอ้างว่า “ขบวนการ” ที่ขัดขวางการฟื้นคืนชีพของ ITV ขวางทางสู่เก้าอี้นายกฯ ย้อนแย้งกับที่ตอนแรกระบุถือหุ้นสื่อไอทีวีไม่กระทบสิทธิ์สมัคร ส.ส. รวมถึงชิงนายกฯ แต่เมื่อ “พิธา” รับโอนหุ้นจากตนกลับรีบถามกลับว่าแน่ใจหรือว่า ไม่ผิดหรอก โอนหุ้นทำไม หนีเหรอ?

ในภาษามวยแปลว่า “หายป่วย” ให้ “ราชาเพลง” ต่อทันที หลักฐานระลอกแล้วระลอกเล่าที่ยืนยันสถานะสื่อของไอทีวีโดยทำผิดกฎหมาย ออกแบบมาเพื่อให้ “พิธา” หลุดเส้นทางการเป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงการเซ็นชื่อลูกพรรคเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งอาจทำให้ผู้สมัครที่ชนะการเลือกตั้งเป็นโมฆะได้

สมัย “พิธา” “อาจารย์ขี้เมา” เป็นผู้ตัดสินแบบกรรมการเลือกกรรมการออกมาช่วยหายใจ กรณีนี้ เมื่อมีมติไม่รับคำร้อง 3 ฉบับ และตามมาตรา 151 ของกฎหมายองค์การว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ใช้อำนาจในการตั้งเวทีไต่สวนโดยรู้ถึงการขาดคุณสมบัติ แต่ยังคงรณรงค์อย่างเหนียวแน่น ดูผิวเผิน “นายกฯ ทิม” เหมือนจะรอด แต่ตรวจสอบใกล้ ๆ จะพบว่า เหตุที่ กกต. ไม่รับคำร้องขอถือหุ้นสื่อ เพราะยื่นคำร้องเกิน 7 วันหลัง การประกาศชื่อผู้สมัคร ส.ส. ทำได้เฉพาะการสอบสวนตามมาตรา 151 ซึ่งส่งฟ้องศาลอาญาแล้ว

การกระทำของ กกต. ครั้งนี้ ทำให้ “พิธา” ตกอยู่ในสภาพเดียวกับ “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เคยยื่นขอถือหุ้นสื่อ หลัง Weile Media ลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไปปี 2562 โดยยื่นตามระยะเวลาในขณะนั้น ตามคำร้องระบุให้ศาลวินิจฉัยตามกฎหมาย ส่งผลให้ “ธนาธร” ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. และชี้ขาดคุณสมบัติในเวลาต่อมา

อ่านข่าวเพิ่มเติม : ข่าวการเมือง

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : fastdramatic

ติดต่อสอบถาม และ เข้าร่วมกิจกรรม ได้ที่ LINE : @UFA656

โปรดยืนยันว่าคุณบรรลุข้อกำหนดด้านอายุตามกฎหมาย (18 ปีขึ้นไป) เพื่อดำเนินการต่อ