“สมยศ” จากพยานเป็นจำเลย คดี “บอส กระทิงแดง”

“สมยศ” จากพยานเป็นจำเลย คดี “บอส กระทิงแดง” “สนธิ” ตั้งข้อสังเกต “บิ๊กอ๊อด” และคนอื่น ๆ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตัดสินว่ามีความผิดทางอาญาในการช่วย “บอส กระทิงแดง” หลบหนีคดีฆ่าตำรวจในรถ ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า “สมยศ” จะถูกแบนจากการเป็นพยานด้วยซ้ำ แต่หลังจากออกมาพูดต่อต้าน “บิ๊กแป้ง” เขาก็ลาออกจากตำแหน่งประธานสมาคมฟุตบอล พบว่ามีความผิดและเป็นจำเลย
ในวันศุกร์ที่ 8 กันยายน 2566 รายการ “All About Sondhi” หรือ “Sondhi Talk” นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งกลุ่มหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ กล่าวถึงความคืบหน้าของการดำเนินคดีกับนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง ขับรถสปอร์ตหรูชนเจ้าหน้าที่ตำรวจวิเชียร กล้าหาญประเสริฐ การเสียชีวิตของตำรวจจราจรบนถนนสุขุมวิทเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 เป็นข่าวอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม 2563 เมื่ออัยการถอนคำสั่งไม่ตั้งข้อหาวรยุทธ หลักฐานเกี่ยวกับความเร็วของรถมีการเปลี่ยนแปลงสำหรับผู้ชายที่ถูกกล่าวหาว่าขับรถจนทำให้เสียชีวิต ต่อมาได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งไม่ดำเนินคดีดังกล่าว
นี่คือวันที่ 5 กันยายน รายงานข่าวระบุว่า ป.ป.ช. ตัดสินใจวางรากฐานความผิดของจำเลยโดยไม่เพิกถอนคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ มีการเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงหลักฐานแล้ว ป.ป.ช. พบว่าผู้ต้องหามีความผิดทางอาญา ระบุชื่อทางการ 1. พล.ต.อ. สมยศ. พุมพันธุ์เมือง อดีตผู้บัญชาการตำรวจ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งกรรมาธิการกฎหมาย ยุติธรรม และตำรวจ สภานิติบัญญติแห่งชาติ (สนช.) 2. นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด 3. นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส 4. นายพิชัย (ชูชัย) เลิศพงศ์อดิศร หรือ ส.ว.ก้อง ประธานองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่คนปัจจุบัน ; และ 5. นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม ศาสตราจารย์ด้านเทคโนโลยี, มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, ประเทศไทย. รวมถึงนักสืบบางคนด้วย

ส่วนนายธานี อ่อนลาด ส.ว. และอดีตเลขาธิการคณะกรรมาธิการกฎหมาย ยุติธรรม และตำรวจ (คณะกรรมการ) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และอดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนปัจจุบัน ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าควรส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนดำเนินการทางวินัยตามหน้าที่และอำนาจของตน เนื่องจากเรื่องที่ถูกกล่าวหาไม่เข้าข่ายเป็นอาชญากรรมร้ายแรงตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามองค์กรทุจริต พ.ศ. 2561
ขั้นตอนต่อไปของ ป.ป.ช. คือการยื่นเอกสารและหลักฐานการสอบสวน สำนักงานอัยการ (ป.ป.ช.) จะยังคงดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป แต่คำพิพากษาของ ป.ป.ช. ยังไม่ถึงที่สุด จำเลยทุกคนมีสิทธิฟ้องเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้ ปรากฏตัวในศาลอีกครั้ง
นายสนดี กล่าวต่อไปว่า หากพิจารณาให้ดีจะเข้าใจว่าทำไมอดีต ผกก.สมยศ พุมพันธ์เมือง ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจึงเข้ามา เป็นหนึ่งในคนที่เหมาะสม ป.ป.ช. สามารถระบุความผิดทางอาญาได้แม้ว่าจะเคยกระทำความผิดมาแล้วก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวว่า มีความพยายามป้องกันไม่ให้ ผ.ต.อ.สมยล ให้การเป็นพยานในศาล
จุดเปลี่ยนน่าจะอยู่หลัง พล.ต.อ.สมยศ พุมพันธุ์เมือง ประกาศเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ว่าตนกำลังเตรียมลาออกจากตำแหน่งประธานสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยอ้างว่าเป็นไปตามคำสั่งของพลเอก ประวิตร วังสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ก.ค. พล.อ.สมยศ ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกไทย ย้อนรอยว่าตนไม่ใช่คนต้นเหตุในการลาออก หากฟีฟ่าไม่อนุญาตให้ประเทศไทยแบนก็ต้องตกเป็นของพลเอกประวิทย์ที่หยิบยกประเด็นขึ้นมาบอกว่าเขาเป็นผู้ชายที่รักศักดิ์ศรี เคารพสิ่งที่ผู้ใหญ่ทุกคนทำหรือควรทำคือการพูดเพื่อตนเอง ไม่มีความอับอายในการประชุมหรือวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อ เขาเป็นคนที่มียศมีตำแหน่งรวมทั้งนักการเมืองด้วย
วันนี้ พล.อ.สมยศ ถูก ป.ป.ช. ตัดสินว่ามีความผิดฐานคว่ำคำสั่งดังกล่าว ภายหลังจากกล่าวดูหมิ่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นเวลา 2 เดือน นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส จะไม่ถูกตั้งข้อหาใด ๆ จากการขับรถชนนายอำเภอวิเชียร แคลนประเสริฐ เสียชีวิตในปี 2555 “นี่เป็นข้อสังเกตของผมเอง ผมมั่นใจว่าผู้ชมจำนวนมากจะต้องดีใจที่ได้เห็น พล.ต.อ.สมยศ พุมพันธุ์เมือง กลายเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ในที่สุด” นายแซนดี้ กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม : ข่าวด่วน
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : fastdramatic