"บิ๊กทิน" คุมกลาโหม ภาระกิจลับปรับกองทัพดึงมวลชนสู้ก้าวไกล

“บิ๊กทิน” คุมกลาโหม ภาระกิจลับปรับกองทัพดึงมวลชนสู้ก้าวไกล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชโองการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในวันที่ 2 กันยายน ถือเป็นการสิ้นสุดรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จากนี้ไป การเมืองจะเข้าสู่ยุครัฐบาลเศรษฐวิสินอย่างเป็นทางการ ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เราจะเข้าสู่กระบวนการสาบานว่าจะจงรักภักดี และนโยบายระดับชาติเสนอต่อรัฐสภา
หนึ่งในสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่คือการหลีกเลี่ยงไม่ได้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุทิน ครอนสัน สมาชิกพรรคเพื่อไทย ถือเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์กระทรวงกลาโหมครั้งใหม่ เพราะเขาเป็นพลเรือนคนแรกที่ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่รับราชการเป็นผู้บัญชาการกองทัพทั้งหมดของกระทรวงกลาโหม
ก่อนหน้านี้ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา มีพลเรือนจำนวนมากที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม เช่น นายเสนี ปราโมช นายชวน หลีกภัย นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ล้วนเป็นนายกรัฐมนตรี การควบคุมเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับของนายซูทีน ซึ่งดำรงตำแหน่งเพียงรัฐมนตรีกลาโหมเท่านั้น
ประวัติศาสตร์การเมืองไม่ได้ถูกเขียนโดยชายชื่อสุทินเพราะนามสกุลของเขาคือกลางแสง แต่การตัดสินใจของนายสุทีนที่จะมอบเผือกร้อน ๆ ให้กับคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เศรตา ทวีสิน นั้นมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝงอยู่บ้าง
เพราะดูจากโครงสร้างภายในกระทรวงกลาโหมแล้วถือว่าซับซ้อน โดยเฉพาะวัฒนธรรมทางการทหารที่เข้มแข็ง แต่วันนี้ต้องยอมรับว่ากองทัพสั่นสะเทือนจากการเมืองภายนอก หลังจากเกิดปรากฏการณ์เรียกร้องให้มีการปฏิรูปกองทัพในหลายประเด็น

ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกการเกณฑ์ทหารเพื่อกลับคืนสู่ระบบสมัครใจ ประเด็นสำคัญ เช่น ผลประโยชน์ภายในกองทัพ เช่น การจัดหาอาวุธ กิจกรรมเชิงพาณิชย์ภายใต้การดูแลของทหาร ทั้งนี้ ไม่นับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เห็นมามากพอแล้ว
ปัญหากองทัพทั้งหมดจึงปะทุขึ้นในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด พรรค Gaucles ชนะการเลือกตั้งเขตทหารหลายครั้ง สะท้อนถึงความไม่พอใจต่อนโยบายทางทหารของผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่นายทหารหนุ่มที่ได้รับการปฏิบัติมาจนถึงตอนนี้เริ่มแสดงความไม่พอใจแล้ว
ชัยชนะของโคลเล็ตต์ในหลาย ๆ สนาม ส่งผลให้เพื่อไทยพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง นายสุทีนเกิดเป็นพลเรือนธรรมดา ๆ และก่อนทำงานเพื่อมวลชนหากนายสุดินลงพื้นที่ร่วมกองทหารพบนายทหารชั้นต้นเพิ่มเติมและถอดหน้ากากออกจะซื้อใจและสามารถดึงดูดคะแนนเสียงจากกลุ่มนี้ได้มากขึ้นและกลายเป็นคะแนนเสียงเพื่อไทย
ต่างจากอดีตรัฐมนตรีกลาโหมหลายคนตรงที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจเรื่องกิจการสาธารณะภายในกองทัพ นอกจากการทำงานด้วยคำสั่งแล้ว ตามธรรมเนียมทางการทหารที่เข้มแข็ง คนหนึ่งคือนายและอีกคนคือผู้ใต้บังคับบัญชา จึงไม่น่าแปลกใจที่เขตทหารจะเปลี่ยนเป็นสีส้มในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด
ปัญหาร้อนอีกประการหนึ่งที่ซูทีนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เมื่อเข้ารับตำแหน่งคือการจัดหาอาวุธให้กับกองทัพ โดยเฉพาะการจัดซื้อเรือดำน้ำมีความล่าช้าเนื่องจากไม่สามารถติดตั้งเครื่องยนต์ตามสัญญาได้และยังมีปัญหาการโอนกองทหารทุกปี คงต้องรอดูกันต่อไปว่านายสุทินจะมีบทบาทในเรื่องนี้ขนาดไหน
โดยภาพรวมแล้ว การแต่งตั้งนายซูทีนเป็นกระทรวงกลาโหมไม่น่าจะเป็นไปอย่างราบรื่นทั่วทุกชายฝั่ง เพราะหากลูกบอลถูกผลักไปไกลเกินไปอาจทำให้ผู้นำทหารไม่พอใจและอาจบานปลายได้ มันไม่ได้ช่วยเพื่อนเพื่อไทยหรือแม้แต่กองทัพเองเลย เมื่อกระทรวงกลาโหมได้รับอนุญาตให้ขับรถแบบที่เคยเป็น ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมองไปทางไหนก็ตาม มันค่อนข้างนำความอึดอัดมาสู่ดาซูดินเท่านั้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม : ข่าวการเมือง
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : fastdramatic