Fastdramatic.COM

เว็บข่าว ข่าวสดออนไลน์ 

คดี “บอส” ไม่รอดแล้ว บิ๊กอ๊อด-พล.ต.อ.สมยศ “คนไม่อาย”

คดี “บอส” ไม่รอดแล้ว บิ๊กอ๊อด-พล.ต.อ.สมยศ “คนไม่อาย”

คดี “บอส” ไม่รอดแล้ว บิ๊กอ๊อด-พล.ต.อ.สมยศ “คนไม่อาย” เรื่องนี้ยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน และล่าสุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ทราบสาเหตุของการก่ออาชญากรรมแล้ว นายนิวัฒน์ชัย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ยืนยันอย่างชัดเจนว่า พล.ต.อ.สมยศ พุมพันธ์เมือง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็น 1 ใน 15 คนที่พ้นโทษ และอดีตรองอัยการสูงสุด (ป.ป.ช.) นายเนตร นาคสุข คือ ไม่ไว้ชีวิตอย่างแน่นอน

ส่วน “พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไม้ทอดดำ อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. ในกรณีนี้เขาถูกตั้งข้อหาขณะดำรงตำแหน่งเป็น พล.ต.ท. แต่เป็นเพียงความผิดทางวินัยเท่านั้น แต่บางคนบอกว่าสิ่งนี้ทำให้เกิด “การหยุดชะงัก” อย่างมากต่อหน้าที่รัฐมนตรี

ข่าวที่เผยแพร่ผ่านสำนักข่าวอิสระรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติว่า พลิกคำสั่งไม่ดำเนินคดี นายวรยุทธ หรือ “บอส อยู่วิทยา” ถูกกล่าวหาว่าขับรถคันปี 2555 สังหารนายอำเภอวิเชียร กล้าหาญประเสริฐ มีการเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงหลักฐานเกี่ยวกับความเร็วของรถ มันเป็นทางการ

 ชื่อจำเลยที่ ป.ป.ช. ตัดสินว่ามีความผิด ชื่ออย่างเป็นทางการที่ยืนยันคือ พล.ต.อ.สมยศ พุมพันธุ์เมือง เมื่อครั้งยังเป็นกรรมการสภานิติบัญญติแห่งชาติ (สนช.) ด้านกฎหมาย ยุติธรรม และตำรวจ อดีตรองอัยการสูงสุด นายเนตร นาคสุข อดีตอัยการอาวุโส นายไชยณรงค์ แสงทองอร่าม นายพิชัย (ชูชัย) เลิศพงศ์ ประธานบริหารจังหวัดคนปัจจุบัน อดิศร หรือ “ส.ว.ก้อง” ใหม่ นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม และพนักงานสอบสวนบางส่วน

ถึง นายธานี ออนไลด์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อดีตเลขาธิการคณะกรรมาธิการกฎหมาย ยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และอดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในระหว่างการบริหารงานของนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ประชุม ป.ป.ช. เห็นชอบให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนออกจากตำแหน่งเพื่อดำเนินการทางวินัยตามหน้าที่ของตนและอำนาจตามที่กล่าวหาไม่เข้าข่ายความผิดร้ายแรงตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามองค์กรทุจริต พ.ศ. 2561

คดี “บอส” ไม่รอดแล้ว บิ๊กอ๊อด-พล.ต.อ.สมยศ “คนไม่อาย”

นี่เป็นกระแสข่าว” นายนิวัฒน์ชัย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ยอมรับว่าเป็นวันรุ่งขึ้น “ขณะนี้ รายงานการประชุมฉบับเต็มอยู่ระหว่างรอลายเซ็นและการรับรองจากผู้อำนวยการ ป.ป.ช. การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจะตามมา สำหรับความคืบหน้าของคดี คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะส่งเอกสารการสอบสวนและแฟ้มหลักฐานไปให้อัยการสูงสุด (อส.) เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป คำตัดสินว่ามีความผิดของ ป.ป.ช. ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทุกคนมีสิทธิที่จะไปศาลเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนตามขั้นตอนการป้องกันตัวทางกฎหมาย

“นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร” ประธานองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า เราทราบเพียงข่าวว่ามีหลักฐานแสดงความผิด แต่เรายังไม่ได้รับการแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการ ดังนั้นเราจึงไม่ทราบรายละเอียดผลการสอบสวนของ ป.ป.ช. แต่ยืนยันได้ว่าไม่มีอาชญากรรมที่ ป.ป.ช. ระบุเข้ามาเกี่ยวข้อง ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหา ตัวเขาเองได้ชี้แจงว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมนี้ และไม่ได้ช่วยเหลือหรือสนับสนุนอาชญากรรมดังกล่าวแต่อย่างใด หากอัยการเรียกร้องให้สอบสวนเราก็ยินดีและพร้อมจะอธิบาย ส่วนการชี้ให้เห็นถึงข้อผิดพลาดในครั้งนี้ ป.ป.ช. ยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ประธานอบจ.เชียงใหม่ในปัจจุบัน เพราะตอนที่กล่าวหาเขาเป็นเพียงพลเมืองเท่านั้น ไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

บุคคลที่ได้รับความสนใจจากสังคมเป็นพิเศษเนื่องจากเป็น ผบ.ตร. คือ คณะกรรมาธิการกฎหมาย “พล.ต.อ.สมยศ ผังเมือง” ตนกำลังตอบคำถามจากผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ พูดว่า “ฉันไม่อยากพูดถึงมันอีกต่อไป มาดูขั้นตอนกันดีกว่า”

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็นับว่าเป็น “รอยเปื้อน” อีกประการหนึ่งในชีวิตของนายตำรวจผู้ยิ่งใหญ่ชื่อ “พลตำรวจเอก” คนนี้สมยศ พุมพันธ์เมือง” ขยับแรงแค่ไหนก็หนีไม่พ้น แม้จะมีข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะถูกเก็บไว้เป็น “พยาน” แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามนั้น

ต้องบอกว่าในกรณีนี้ถ้าเราดูหลักฐานและการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนหน้านี้ก็เพียงพอที่จะรู้ว่าการอยู่รอดนั้นยากแค่ไหน เนื่องจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและกฎหมายซึ่งมี “นายวิชา มหากุล” เป็นประธาน ได้สรุปข้อเท็จจริงไว้แล้วก่อนหน้านี้ว่า “ในกระบวนการยุติธรรมมีความร่วมมืออย่างเป็นระบบระหว่างลูกจ้าง ทั้งข้าราชการ นักการเมือง ทนายความ พยาน และสมาชิก ของประชาชนมักแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมและหาประโยชน์จากช่องโหว่ทางกฎหมาย ใช้อำนาจและอิทธิพลของตนในทางมิชอบเพื่อสร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จตั้งแต่เริ่มดำเนินคดีเพื่อช่วยให้จำเลยหลบเลี่ยงกระบวนพิจารณาคดีได้”

แม้ในขณะนั้น นายวิชา ยอมรับว่าตนถูกกดดันให้สอบสวนคดีนี้แต่ไม่ได้ตอบตรง ๆ ว่าต้นตอมาจากใคร แต่บอกว่า นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม เจ้าของทฤษฎีได้เปลี่ยนความเร็วของรถแล้ว วันนั้น. ผู้กระทำความผิด อดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์เมือง ได้ลดความเร็วจาก 177 กม./ชม. เหลือ 79.23 กม./ชม.

นอกจากนี้ ขณะสอบสวนข้อเท็จจริงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ “พล.ต.อ.วิษณุ” ผู้ตรวจราชการตำรวจแห่งชาติ ปราสาททองโอสถ ในฐานะประธาน ได้เชิญ “บิ๊กอ๊อด” ซึ่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจในขณะนั้น เข้ามาให้ข้อมูล ขณะที่ รศ.สายประสิทธิ์ ขณะประชุม “บิ๊กอ๊อด” ยอมรับว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว พ.ต.ต.ทานาฮิติใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็มาถึงแผนกพิสูจน์หลักฐาน แต่ไม่มีแรงกดดัน บังคับ หรือจูงใจใด ๆ เสียง พ.ต.ต.ธนาฮิติ เปลี่ยนความเร็วรถและใช้หลักฐานในคลิปเป็นเสียงของคุณเองจริง ๆ ต่างจากเมื่อก่อน “บิ๊กอ๊อด” ปฏิเสธหนักแน่น ยืนยันว่าการพบกันระหว่างทั้งสองไม่เกี่ยวข้อง เพราะในวันนั้นและครั้งนั้นตัวเขาเองได้เดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการฟุตบอลโลก

อ่านข่าวเพิ่มเติม : ข่าวด่วน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : fastdramatic

ติดต่อสอบถาม และ เข้าร่วมกิจกรรม ได้ที่ LINE : @UFA656

โปรดยืนยันว่าคุณบรรลุข้อกำหนดด้านอายุตามกฎหมาย (18 ปีขึ้นไป) เพื่อดำเนินการต่อ