“ชลน่าน” ประกาศตั้งรัฐบาล 11 พรรค 314 คนเสนอ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ

“ชลน่าน” ประกาศตั้งรัฐบาล 11 พรรค 314 คนเสนอ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ “ชลน่าน” ประกาศตั้งรัฐบาล 11 พรรค 314 เสียง ไร้ความคืบหน้า – ปชป.ยันนโยบายหาเสียงไม่เปลี่ยนมาตรา 112 เสนอชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกฯ พร้อมเตรียมเสนอ แบ่งที่นั่งรัฐมนตรีอย่างสมบูรณ์แบบ 8 กระทรวง รัฐมนตรีช่วยว่าการสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ รวม 9 คน
สนช.ร่วมกับแกนนำพรรคสหพรรค 11 พรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลล่าสุดด้วยคะแนนรวม 314 เสียง โดยมีรายละเอียดดังนี้
พรรคเพื่อไทยและ 11 พรรคการเมืองร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลด้วยคะแนนเสียง 314 เสียง และหากไม่มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็ไม่มีพรรคก้าวหน้าเข้าร่วมรัฐบาล นายกรัฐมนตรีที่ได้รับอนุมัติในการประชุมร่วมของรัฐสภา
สำหรับพรรคเพื่อไทยได้รวบรวมทุกพรรค จัดตั้งรัฐบาลดังนี้
– พรรคภูมิใจไทย (71 ที่นั่ง) เป็นรัฐมนตรี 4 คน รัฐมนตรีช่วยว่าการ 4 คน
– พรรคพลังประชารัฐ (40 ที่นั่ง) เป็นรัฐมนตรี 2 คน และรัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 คน
– พรรครวมไทยสร้างชาติ (36 ที่นั่ง) เป็นรัฐมนตรี 2 คน และรัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 คน
– พรรคชาติไทยพัฒนา (10 ที่นั่ง) เป็น 1 รัฐมนตรี
– พรรคประชาชาติ (มี9 ที่นั่ง) ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
– ดำรงตำแหน่ง 8 รัฐมนตรี/รองรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (141 ที่นั่ง) รวม 9 ตำแหน่ง
– พรรคการเมืองอื่น 5 พรรค ได้แก่ พรรคชาติพัฒนากล้า 2 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยรวมพลัง 2 ที่นั่ง พรรคเสรีรวมไทย 1 ที่นั่ง พรรคท้องถิ่นไทย 1 ที่นั่ง พรรคพลังสังคมใหม่ 1 ที่นั่ง

สำหรับพรรคเพื่อไทย ทษช. ได้เชิญหัวหน้าพรรคหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายของพรรคมาทำข้อตกลงความร่วมมือการแบ่งงานทำไร่ไถนา ค่าจ้างขั้นต่ำ 600 บาท ในปี 2570 เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ เพิ่ม ราคาพืชผลทางการเกษตร แก้ปัญหาความขัดแย้ง และสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน สันติภาพ แพทย์กัญชาอย่างเป็นทางการและสุขภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้
และแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และให้คงไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ . “พรรคร่วม” คือนโยบายที่เอื้อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และกำหนดเป็นนโยบายร่วมกันเพื่อแถลงต่อรัฐสภาต่อไป
จัดตั้งรัฐบาลเพื่อพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล โปรดทราบว่า ในปัจจุบัน ปัญหาทางเศรษฐกิจเป็นสิ่งแรกที่ต้องแก้ไข และผู้คนกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ ภาวะหนี้ครัวเรือนส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ SME มาอย่างยาวนาน ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงสร้างและกลไกเพื่อให้ความเชื่อมั่นของประชาชนในประเทศกลับคืนมาอีกครั้ง
ภายใต้สถานการณ์ที่พรรคเพื่อไทยและพรรครวมชาติสร้างผลกระทบอย่างหนักต่อประชาชนในทุก ๆ ด้าน จึงตัดสินใจจัดตั้งรัฐบาลใหม่ตามความรับผิดชอบที่มีต่อประชาชน แม้ว่าที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยจะเผชิญกับวาทศิลป์หรือข้อกล่าวหาที่รุนแรง แต่เราให้ความยุติธรรมกับความขัดแย้งนี้ และตั้งใจที่จะมุ่งเอาชนะความขัดแย้ง ดังนั้น วัตถุประสงค์หลักของวาระนี้คือความรับผิดชอบในวาระของรัฐและวาระของประชาชน
พรรคเพื่อไทยและ ครม. พรรคต่าง ๆ จะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อดำเนินนโยบายและแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน และเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เราต้องเร่งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ กำหนดนโยบาย กำหนดมาตรการและกลไกเพื่อความมั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม อย่างสร้างสรรค์ส่งเสริมการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
พรรคเพื่อไทย มั่นใจ “ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยแม้จะมีอดีตพรรคร่วมรัฐบาลในรัฐบาลชุดที่แล้ว ทุกฝ่ายจะร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ตั้งแต่ยุค พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย ทุกพรรคการเมืองร่วมมือกัน” และจะสร้างต่อไป ความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศและประชาชน
จากข้อความและเจตจำนงข้างต้น เรา “ขอความสนับสนุนจากวุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎรและพรรคการเมืองทั้งหมด ให้เราทำงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ เป้าหมายที่มุ่งแก้ไขเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน” คำนึงถึงความมั่นคง และดูแลสถาบันหลักของชาติ เงื่อนไขการขยายตัวของความขัดแย้งในชาติ ร่วมกันนำพาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง เข้มแข็ง มีความสุขและความผาสุกของประชาชน และเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น”
อ่านข่าวเพิ่มเติม : ข่าวการเมือง
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : fastdramatic